วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2550

กถาบรรณาธิการ ๑


ปรายหน้าบท

กถา ; หมายเหตุแห่งเรื่องราว
ฉบับที่ ๑ เดือนอ้าย เหมันตฤดู พ.ศ. ๒๕๓๕


วัสสากาลผ่านพ้นไปหลายวันคืนแล้ว เหมันตฤดูกำลังเริงร่ายอยู่ในบรรยากาศที่การเมืองกำลังเข้มข้น กระอักกระอ่วน โคลงเคลง.. บางที บางครั้งก็ทำท่าจะก้าวเดินไปบนเส้นทางประชาธิปไตยได้อย่างน่าชื่นชม จะอย่างไรก็ตามแต่ ดวงใจของมวลประชาต่างก็หวังให้เป็นไปอย่างสุขสงบ.. ขอจงเป็นเช่นนั้นเถิด
ด้วยใจรักในการอ่าน การเขียนหนังสืออย่างมากหลากหลาย ดวงใจแห่งวิญญาณจึงใฝ่ฝันที่จะอ่านที่จะเขียน ทั้งเรียนรู้ในกระบวนการและความเป็นหนังสือให้มากๆ จะด้วยวิญญาณแห่งนักอ่าน นักเขียนหนังสือโดยสายเลือด หรือมวลพลังที่ได้เสริมสร้างเป็นแรงใจใฝ่ฝัน มุ่งหวังในปัจจุบันกาล หรืออาจจะเป็นด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งอักขระในสวนอักษร หรือจะเป็นแรงใจมุ่งหวังที่จะทำในสิ่งที่ตนเองรัก และเพื่อคนที่เรารัก อย่างใดอย่างหนึ่ง
ด้วยความมีเป็นแห่งสภาวธรรมทั้งปวงก็แล้วกัน- ขอบอกกล่าวเช่นนี้ ที่ได้เอาใจใฝ่ฝันอย่างมีพลังพร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งๆ หนึ่งเพื่อในหลายๆ สิ่ง
“เป้าหมายของการเขียนหนังสือ คือ การสร้างสรรค์ แสวงหาการสร้างสรรค์จากความเปลี่ยนแปลง” โก้วเล้ง ได้กล่าวไว้เช่นนั้น ข้าพเจ้าเห็นด้วย- ด้วยดวงใจที่ขมปร่าเช่นนำสุราที่เราท่านดื่มกิน
ข้าพเจ้าเดียวดายใต้เงาจันทร์และหมู่ดาวบนฟากฟ้ามาหลายฤดูน้ำท่วม, ก่อนวัสสากาลปีนี้จะย่างถึง ดวงใจและวิญญาณได้รับรู้ถึงความเป็นเช่นนั้น- ในความรัก ความหลากหลายในชีวิตจึงบังเกิดมีขึ้น เป็นอยู่ในความเป็นเช่นนี้อย่างซึ้งใจ บางครั้งสุดที่จะพรรณนาได้.. บางทีข้าพเจ้าคิดว่า ควรรำพันคร่ำครวญไว้บ้าง บนพื้นปัฐพีที่สิงสถิตแห่งตัวหนังสือนี้..
นานวันคืนแล้ว หากข้าพเจ้าเอาจริงเอาจังหรือเข้มงวดกับดวงจิตละวิญญาณส่วนนี้ให้มากกว่านี้ “กถา” เล่มน้อยนิดนี้คงได้ถึงมือพรรคพวก เพื่อนมิตรสหาย พี่น้องและคนที่เรารักนานวันแล้ว ไม่อยากให้อภัยต่อดวงใจตนเอง ที่คิดดิ้นรนในสิ่งที่รัก แต่ไม่คิดดิ้นรนให้จริงจัง แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะดวงใจมันรุ่มร่ำคร่ำครวญเสียเหลือเกิน..
ขอบอกกล่าวถึง “กถา” หมายเหตุแห่งเรื่องราว.. นี้สักเล็กน้อยเพื่อเพื่อนมิตรจักได้รู้
“กถา” ได้มาจากพระธรรมบทที่ได้ร่ำเรียนรู้อยู่ (กถา อันว่า วาจาเป็นเครื่องกล่าว)
ได้เปิดพจนานุกรมบาลี-ไทย ก็พบมีอยู่ว่า กถา/- ถ้อยคำ, เรื่องราว, นิยาย, จึงเห็นสมใจและได้นำมาเป็นชื่อสาส์นเล่มนี้
พวกเรา “กลุ่มธัมม์ศิลป์นันทะ” ได้คิดและจัดทำขึ้นด้วยจิตวิญญาณที่คิดใฝ่ฝันในการอ่าน การเขียนอย่างมุ่งมั่น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในความไม่มีสาระเท่าที่ควรนี้ คงจะมีสิ่งที่เป็นสาระบ้าง เพื่อเป็นสาส์นรำลึก รำพันถึงกันด้วยใจที่รักกัน พร้อมกันนั้น ข้าพเจ้าขอยอมรับในส่วนตนเองว่า “กถา” เล่มนี้เกิดขึ้นเพราะต้องการสนองตัณหาแห่งดวงใจและวิญญาณในสังขารตัวเอง



ขอได้รับความขอบคุณด้วยดวงใจที่รักความรู้สึกที่ดีและปรารถนาดีแด่ทุกท่าน

คุรุการ ศุภกร
21.20 น./ 15 ธ.ค. 35
ร.ร. วัดเขียนเขต ปทุมธานี
--------------------------------------------------------------------------------------------

เช่นนั้นเอง !
(บทส่งท้าย)

รุ่งค่ำๆ หลายวันคืนแล้ว ในที่สุด “กถา” ก็เสร็จจนได้ออกมาในรูปแบบที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าที่น่าจะเป็น จะอย่างไรก็แล้วแต่ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “กถา” นี้คงได้เป็นสาส์นรำลึกถึงกันด้วยความเป็นมนุษยชาติที่มีพันธะต่อกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องมีความห่วงใยเกี่ยวข้องผูกพันกันในหลายๆ ด้านและหลายสิ่ง
สายใยแห่งความผูกพันที่เป็นดั่งสายโลหิต หล่อเลี้ยงความเป็นรูปตนแห่งผู้คนเราและสรรพสิ่งอยากยิ่งที่จะตัดขาดจากกัน ดังนั้นพวกเราในนานม “กลุ่มธัมม์ศิลป์นันทะ” จึงขวนขวายด้วยแรงดิ้นรนของวิญญาณส่วนหนึ่งที่จะนำความเป็นความมีแห่งสรรพสิ่งที่เป็นอยู่เกลื่อนกลาดหลากหลายลงล่องในสายธารแห่งตัวอักษรให้หลั่งไหลไปด้วยจิตวิญญาณของการแสวงหาชีวิต จะเป็นด้วยคมความคิด ดวงจิตปรารถนา หรือความเพ้อฝันต่างๆ นานา แล้วแต่ละคนจะมี ด้วยหวังที่จะนำพาชีวีแห่งผู้คนและตัวตนเองให้มีจิตใจใฝ่ฝันแต่ในสิ่งที่ดีงามและถอยจากความเลวทรามที่เป็นมีอยู่ในสังคมแห่งผู้คนเรา
ขอให้เราตระหนักว่า “มนุษยชาติมีพันธะ เราต้องมีความรู้สึกที่ดีและให้สิ่งที่ดีแก่มวลสรรพสิ่ง” พบกันใหม่ใน “กถา” ฉบับหน้า



ด้วยใจจริง,อาทรกรุณา
พลายพัทลุง
19 มีนา. 36

(คัดลอกจาก “กถา” ฉบับแรก, ก่อนนั้นพวกเราจัดทำ “ขนำดอกหว้า” และ “ดอกเอื้อง” ด้วยฉบับลายมือเส้นปากกากันไป 3 ฉบับ แล้วมาจัดพิมพ์ กถา เป็นฉบับแรกในนามกลุ่มธัมม์ศิลป์นันทะ โดยพิมพ์ต้นฉบับพิมพ์ดีด อาศัยเครื่องพิมพ์ดีดที่ ร.ร. วัดเขียนเขต ในยามค่ำคืนด้วยความเอื้อเฟื้อของครูเวรขี้เมา- ครูเรณู แล้วนำไปจ้างพิมพ์เป็นต้นฉบับคอมพิวเตอร์ที่ร้านในตลาดรังสิต ค่าพิมพ์ 700 บาท แล้วถ่ายเอกสารแจกกันอ่าน 50 เล่ม)

บรรณกร
คุรุการ ศุภกร
กองวัณณนา
วรรณเสถียร อภัยพงษ์,
ธนพัฒน์ ธนพร,
ศุภพรรณี วรรณการ,
บุษบา กัลยาณเสถียร,
สายรัมย์ ศรารินทร์
ออกแบปก/รูปเล่ม
มทิรามาณพ พร่ำ

ไม่มีความคิดเห็น:

กถาเพื่อนคำ

ต้อนรับสู่ถ้อยคำเขียนข้าว
หมายเหตุแห่งเรื่องราว ณ ยุคสมัย
บานแผนกแยกรับ สดับนัย
ด้วยหทัยกล่าวธรรม สมันตา


Copyright©2007 kurukarn.blogspot.com
by editorship@hotmail.com
Powered By Blogger